top of page

[MARKMIN] :: Keep Going (Omegaverse) :: 6 #ficclfs #keepgoingmm

  • Writer: 97melancholy
    97melancholy
  • Mar 2, 2019
  • 1 min read

แจฮยอนหรือมิสเตอร์เจย์กลับไปแล้ว เขามีเวลาอยู่กับลูกชายที่เกิดจากคนที่เขารักได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น แม้ว่าใจจริงอยากจะอยู่ด้วยให้นานกว่านี้แต่เพื่อความปลอดภัยของลูก เขาก็ต้องยอมและตัดใจ


มาร์ตินและเจนีนมองหน้ากันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สภาพของคนตัวสูงในตอนนี้มันแย่เกินกว่าที่เจนีนจะยืนอยู่เฉยๆได้ ใจเขาเจ็บไปหมดราวกับกำลังถูกบีบอยู่ ส่วนในหัวก็เริ่มปวดตุบๆและเขาเองก็รู้ดีว่าที่รู้สึกแบบนี้มันเป็นคู่ชะตาของเขากำลังรู้สึกแบบนี้


เจนีนเดินเข้าไปหาร่างสูงอย่างช้าๆแล้วสวมกอดอีกฝ่ายเอาไว้ มือเรียวข้างหนึ่งส่งไปลูบแผ่นหลังแกร่งที่ตอนนี้ดูเปราะบางเหลือเกิน ส่วนอีกข้างก็กำลังลูบศีรษะของอัลฟ่าหนุ่มที่ตอนนี้โน้มศีรษะลงจนหน้าผากวางอยู่บนลาดไหล่เล็กอย่างต้องการที่พึ่งพิง


มาร์ตินไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เขาเติบโตมาในตระกูลอัลฟ่าบริสุทธ์อันดับต้นๆของทวีปอเมริกาหรืออาจจะของโลกเลยก็ว่าได้ เขาถูกสอนถูกอบรมให้มีความเป็นผู้นำที่ฉลาดหลักแหลม แข็งแกร่งทั้งในด้านพละกำลังและจิตใจ มาร์ตินที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดีภายใต้กฎเกณฑ์ข้อบังคับของตระกูล เป็นคนที่ไม่ว่าจะไปแห่งหนใดก็มักจะได้ความเคารพอยู่เสมอ ในครานี้ มาร์ตินคนนั้นไม่มีอยู่แล้ว แต่มันกลับมีเพียงมาร์ตินที่โลกทั้งใบที่เขาเติบโตมาพังพินาศลง ผู้หญิงที่เขาเชื่อมาตลอดว่าเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด ในวันนี้มันกลับไม่ใช่


มาร์ตินผละกายออกหลังจากที่ซบใบหน้าของตัวเองลงบนลาดไหล่เล็กและรับพลังจากอ้อมกอดเล็กๆที่แสนอบอุ่นนี้อยู่นานจนพอใจและรู้สึกเหมือนได้เติมเชื้อเพลิงให้กับตัวเองเพียงพอแล้ว ร่างสูงจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างไม่วางตาก่อนที่จะโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆใบหน้างดงามอย่างช้าๆ สายตาจับจ้องอยู่ตรงริมฝีปากอิ่มจนคนที่ถูกจ้องรู้สึกขัดเขินทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่หลับตาลงเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าเข้าไปเรื่อยจนริมฝีปากของพวกเขาแตะกันในที่สุด

มาร์ตินมอบจูบให้กับคนตัวเล็กที่หลับตาพริ้มอย่างไม่มีการรุกล้ำใดๆ เป็นเพียงแค่การใช้ปากแตะปากกันเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ความรู้สึกต่างๆที่ทั้งสองมีให้กันก็ถูกส่งผ่านริมฝีปากของพวกเขา


เจนีนไม่ใช่คนใจง่ายหรือปล่อยตัวให้ใครเข้ามาทำรุ่มร่ามได้ง่ายๆ เพราะเพศสภาพที่เป็นโอเมก้าที่ต้องระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ มาร์ตินเองก็เช่นกัน เพราะเขาถูกเลี้ยงดูและเติบโตมาในครอบครัวชั้นสูงในสังคม การวางตัวจึงสำคัญยิ่งกว่าเรื่องใดๆ แต่ในครานี้ทั้งสองต่างยอมให้แก่กันและกัน


ริมฝีปากเริ่มขยับขบเม้มริมฝีปากบางเบาๆโดยที่เจนีนเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แขนแกร่งรวบเอวบางให้เข้ามาแนบชิดกับแผ่นอกและหน้าท้องแกร่งของตนในขณะเดียวกันร่างบางก็ใช้แขนทั้งสองข้างโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้อย่างหาที่ยึดมั่น มาร์ตินและเจนีนปล่อยให้ร่างกายขยับไปตามการนำทางของอารมณ์ที่โหยหาความอบอุ่นและสัมผัสของกันและกันโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าภายในห้องตอนนี้ได้มีสิ่งมีชีวิตตัวป้อมๆสั้นๆได้เข้ามานั่งยกมือปิดตาทั้งสองข้างแต่กลับกางนิ้วออกแล้วมองผู้เป็นพ่อของตนกับคุณอาที่ให้ตนไปพักอาศัยอยู่หนึ่งคืน


ทั้งสองผละกายออกจากกันด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังคิกคักอยู่ภายในห้องก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่คนที่เข้ามาเห็นเป็นเด็กชายเจสซี่ที่กำลังใช้มือข้างขวาปิดปากน้อยๆของตัวเองอยู่ส่วนอีกข้างก็ดูเหมือนว่าจะใช้เพื่อปิดตาแม้ว่ามันจะวางอยู่บนคิ้วนกนางนวลที่ถอดแบบมาจากคนเป็นพ่อไม่มีผิด


ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะไม่มีใครรู้ถึงการมาถึงของเด็กน้อย แม้ว่าเพศสภาพอัลฟ่าจะระบุชัดเจนตั้งแต่เกิด แต่เพราะยังเป็นเด็กที่ยังไม่โตเต็มวัยทำให้ยังไม่มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จะปล่อยออกมาเพื่อแสดงตัวตนและเพศสภาพของอัลฟ่าต่างจากโอเมก้าที่จะเริ่มมรกลิ่นประจำตัวตั้งแต่อายุ 5 ขวบ


มาร์ตินเดินเข้าไปใกล้ลูกชายแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นแนบอกพร้อมกับฟัดหอมฟัดจูบจนเด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากสลับกับกรีดร้องอย่างมีความสุขออกมาเป็นครั้งคราว


ภาพของสองพ่อลูกที่กำลังหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานอยู่ในวายตาของเจนีนที่กำลังมองไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า ก่อนจะก้มหน้าลงอย่างเขินอายเมื่อได้ฟังคำของเด็กชายวัย 5 ขวบ


"แด๊ดดี๊จุ๊บกับคุงอาหยอ เจสเหงน้า ไม่ๆ เจสไม่เหง เจสไม่เหงอะไยเยยจริงๆนะ"


"อะไรกันเจ้าแสบ ตกลงเห็นหรือไม่เห็นเนี่ย" มาร์ตินเอ่ยหยอกล้อลูกชาย


"ไม่เหงๆ เจสไม่เหงอะไยเยยครับ" เด็กน้อยส่ายหน้าปฏิเสธ


"ดีมาก เพราะฉะนั้นเจสซี่จะต้องไม่เอาไปพูดกับใครนะครับ" มาร์ตินว่าพลางลูบกลุ่มผมนุ่มของลูกชายที่ตนตื่นมาอาบน้ำสระผมให้เมื่อตอนเช้า


"เจสไม่พูด เพราะเจสไม่เหงอะไยเยย"


มาร์ตินส่งยิ้มให้กับลูกชาย รู้ว่ามันเป็นเรื่องไม่ดีที่สอนให้ลูกต้องโกหก แต่เพราะความปลอดภัยทั้งตัวเขาและลูกชาย มาร์ตินจำเป็นต้องสอนให้ลูกชายคิดวิเคราะห์และแยกแยะให้ได้ว่าเรื่องไหนควรพูดหรือไม่ควรพูด เพราะถึงแม้ว่าเจสซี่จะเป็นอัลฟ่าเลือดบริสุทธิ์ ก็ไม่ได้แปลว่าลูกของเขาจะปลอดภัย เพราะเจสไม่ได้เกิดจากคนที่ปู่ของเขาต้องการให้มาเป็นสะใภ้ของตระกูลเลพเพิร์ด


"หิวแล้วยังครับ วันนี้ไปทานข้าวนอกบ้านกัน คุณอาเจนีนไปด้วยนะ" มาร์ตินเอ่ยถามลูกชายที่พยักหน้าถี่รัวให้เป็นคำตอบและส่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อรู้ว่าคุณอาคนโปรด (เพราะทำไข่ดาว 2 ฟองและไส้กรอกกับช็อกโกแลตร้อนที่มีมาร์ชเมลโล่ลอยอยู่ข้างบนให้ทานเป็นมื้อเช้าที่หากเป็นที่บ้านตระกูลเลพเพิร์ดเด็กน้อยจะไม่มีทางได้ทานมันเด็ดขาด) ไปด้วย โดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าคนที่มีชื่ออยู่ในบทสนทนาเมื่อครู่กำลังเบิกตากว้างด้วยความตกใจเพราะชายร่างสูงไม่เคยพูดอะไรกับตนสักคำ


"คุณอาไปด้วยนะครับ นะ น้าาาา"


คำพูดที่ในตอนแรกที่หวังว่าจะเอ่ยปฏิเสธกลับต้องเก็บไว้ในใจแทนที่ด้วยการพยักหน้ารับเพราะลูกอ้อนจากเด็กชายตัวน้อยที่นอกจะพูดด้วยน้ำเสียง สีหน้าแล้วแววตาออดอ้อนนั้นยังไม่พอ เจ้าตัวจ้อยกลับยื่นแขนไปข้างหน้าในทิศทางที่เจนีนยืนอยู่คลับคล้ายคลับคลาว่าเจ้าตัวเล็กอยากจะให้ร่างบางได้อุ้ม แต่ความปรารถนาของเด็กน้อยก็ไม่เป็นผลเมื่อเด็กชายถูกวางให้ลงยืนบนพื้นโดยฝีมือของพ่อของเจ้าตัว


"โอเค แต่ก่อนอื่นเรามาทวนสัญญากันก่อนนะครับ เจสจำได้ใช่ไหมครับ" มาร์ตินย่อกายลงจนอยู่ในระดับเดียวกับลูกชายที่มีสีหน้าสลดลงเมื่อได้ฟังคำของผู้เป็นพ่อ


"จำได้ครับ คุณลุงมาร์ติน"


น้ำเสียงและสีหน้าที่สลดลงของลูกชายส่งผลโดยตรงกับจิตใจของมาร์ตินที่มันกระตุกวูบเหมือนถูกกระชากเช่นเดียวกับเจนีนเองที่นึกสงสารเด็กน้อยขึ้นมาจับใจ


"ให้อาอุ้มไหมครับ แล้วเราจะได้ไปทานข้าวกัน" เจนีนที่เห็นท่าทางที่ดูไม่ดีนักของเด็กน้อยก็ย่อกายลงนั่งแล้วยื่นข้อเสนอให้กับเด็กน้อยพร้อมกับอ้าแขนออกทั้งสองข้างเพื่อให้เด็กน้อยได้เข้ามากอด และก็นับว่าเป็นเรื่องดีที่มันทำให้รอยยิ้มของเด็กน้อยกลับมาอีกครั้ง


เจนีนค่อยๆหยัดยืนขึ้นโดยมาเด็กชายวัย 5 ขวบอยู่ในอ้อมแขนก่อนจะชะงักค้างไปเมื่อจู่ๆเด็กน้อยก็โน้มใบหน้าเข้ามาจุ๊บแก้มของตนเสียงแรงก่อนจะผละออกไปแล้วส่งเสียงเราะคิกคักพร้อมกับรอยยิ้มกว้างเสียจนตาทั้งสองข้างปิดสนิท


"แหะๆ หอมๆ นุ่มๆด้วย"


"อะไรกันครับเจสซี่ ทำแบบนี้อาเสียหายนะ" เจนีนเอ่ยทีเล่นทีจริง


"ขอโทษครับคุณอา แต่เจสมองแก้มคุณอาอยู่นานแย้ว"


แทบทรุด เจนีนไม่ใช่คนแพ้เด็ก เล่นด้วยได้แต่เลี่ยงได้ก็เลี่ยง แต่กับเด็กชายเจสซี่ เลพเพิร์ดคนนี้ เจนีนคิดว่าตัวเองกำลังแย่ และกำลังแพ้ให้กับความน่ารักน่าชังของเจ้าตัวน้อยในอ้อมแขนเข้าแล้ว และมันก็ยากที่จะหักห้ามใจไม่ให้เขาฝังจมูกลงไปบนแก้มกลมๆของเด็กชายในอ้อมแขน


เด็กน้อยส่งเสียงหัวเราะคิกคักก่อนจะมุดใบหน้าเข้ากับซอกคอของคุณอาคนโปรดพร้อมกับที่ใช้มือโอบรัดรอบคอแน่นแต่เหมือนจะตัวเล็กจะนึกอะไรออกจึงผละกายออกมาแรงๆจนร่างบางตกใจเกือบจะพากันล้มทั้งคู่แต่ก็ยังโชคดีที่มีแขนแกร่งของอัลฟ่าหนุ่มที่เฝ้ามองความน่ารักของลูกชายและโอเมก้าที่เป็นคู่ชะตาอยู่ตลอดเข้ามารับไว้ทัน


"เจสปวดฉี่ ขอเจสไปห้องน้ำก่อนนะครับ" เจนีนวางเด็กชายลงแล้วเจ้าตัวก็วิ่งไปทางห้องน้ำทันทีพอดีกับที่มีคนเปิดประตูเข้ามาในห้อง


"ขออนุญาตครับบอส"


"มีอะไรอย่างนั้นหรือ คุณลิมเมอร์"


เฮนดรีย์ ลิมเมอร์ หรือบอดี้การ์ดส่วนตัวและพ่วงด้วยตำแหน่งเลขาส่วนตัวของมาร์ตินเดินเข้ามาใกล้กับผู้เป็นเจ้านายด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก


"คนที่เราส่งให้ปลอมตัวเป็นคุณนาเสียชีวิตแล้วครับ เราพบศพของเขาอยู่บริเวณลานจอดรถของห้าง PJV สาเหตุการตายคือถูกยิงเข้าที่ศีรษะ จากสภาพบาดแผลคาดว่าน่าจะเป็นไรเฟิลครับ ตอนนี่ฝ่ายนิติเวชของเรากำลังชันสูตรอยู่ครับ" เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องทำงานขนาดใหญ่อีกครั้ง ประสาทการรับรู้ของเจนีนมันด้านชาไปหมด ในหัวมีแต่คำถามว่าเกิดอะไรขึ้น ปลอมตัวอะไร ทำไมถึงมีคนตาย


"เขาถูกฆ่าในห้างอย่างนั้นหรือ" มาร์ตินเอ่ยถามด้วยความกังวลไม่น้อย


"เกรงว่าจะไม่ใช่ครับ จากภาพกล้องวงจรปิดแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะถูกฆ่าตั้งแต่ออกจากบริษัทไปเมื่อช่วง 10 โมงครึ่งครับ ก่อนที่ร่างของเขาจะถูกนำขึ้นรถแล้วนำไปทิ้งไว้ที่ลานจอดรถชั้นใต้ดินของห้าง PJV ในเวลาถัดมาครับ รถไม่ทราบป้ายทะเบียน ไม่เห็นหน้าของคนร้ายครับ แต่จากลักษณะภายนอกแล้ว คิดว่าน่าจะเป็นอดีตหน่วยรบพิเศษของรัสเซียที่บอสให้พวกเราคอยสืบครับ และผมคิดว่าทางฝั่งนั้นจะยังไม่รู้ว่าคนที่ได้ลงมือฆ่าไปนั้นไม่ใช่คุณนาครับ"


"เข้าใจแล้ว ฝากจัดการเรื่องงานศพด้วย ติดต่อไปทางครอบครัวของผู้ชายคนนั้น แล้วทำในแบบที่เรามักจะทำอยู่เสมอ" มาร์ตินเอ่ยกับเลขาคนสนิทที่พยักหน้ารับและโค้งกายให้ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่ลืมที่จะบอกว่าตนจะลงไปเตรียมรถไว้ให้


"ในหมายความยังไงกันครับ" มาร์ตินเกือบลืมไปเสียสนิทว่ายังมีใครอีกคนอยู่ในห้องนี้


"คือ..." 


"ที่บอกว่าปลอมตัว มันหมายความว่ายังไงกันครับ" ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ


"ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพราะไม่อยากให้คนที่กำลังจับตาดูคุณอยู่นั้นสงสัยเรื่องการพบกันของคุณและมิสเตอร์เจย์ในวันนี้ ผมเลยให้คนของผมปลอมตัวเป็นคุณแล้วเดินทางออกจากบริษัทไปเมื่อช่วง 10 โมงครึ่ง และก็ตามที่คุณรู้ ตอนนี้เข้าเสียชีวิตแล้วเพราะถูกยิงเข้าที่ศีรษะ"


"คุณลิมเมอร์บอกว่าทางฝั่งนั้นยังไม่รู้ใช่ไหมครับว่าคนที่เสียชีวิตไม่ใช่ผม" 


"อื้อ" มาร์ตินพยักหน้าเป็นคำตอบ


"ผิดแล้วล่ะครับ ความจริงแล้วพวกเขารู้ว่าคนที่เดินออกไปไม่ใช่ผม" เจนีนพยายามกระพริบตาถี่ๆเพื่อไล่น้ำตาที่ตีรื้นขึ้นมา


"มันไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะครับที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่มันแค่ต่างจากครั้งก่อนตรงที่คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับแผนที่ผมวางไว้เพื่อลอบเจอกับพ่อเพียงแค่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งต่างจากครั้งนี้ที่ถึงขั้นเสียชีวิต... มันคือคำเตือนครับ ว่าถ้าหากยังทำอะไรต่อไปอีกคนที่จะหายไปจากโลกนี้คนต่อไปคือผมเอง และใช่ ผมได้ทำมันต่อแล้ว และวันนี้ก็ทำสำเร็จด้วย ทางที่ดีคุณกับผมควรแยกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้" เจนีนเอ่ยจบก็เลือกที่จะเดินออกไปจากห้องทันทีโดยที่ไม่สนใจเสียงเรียกของเด็กชายที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำ หรือเสียงของอัลฟ่าที่เป็นคู่ชะตาของตนก็ตาม


"เจนีน... คุณจะไปไหน" เมื่อเรียกอยู่หลายครั้งแต่คนตัวเล็กก็ไม่สนใจเสียที มาร์ตินจึงวิ่งไปคว้าแขนเรียวให้หันกลับมาเผชิญหน้ากันก่อนที่อีกฝ่ายจะเปิดประตูแล้วเดินออกไป


"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องไปเผชิญกับอันตรายคนเดียวแน่"


"ปล่อยเถอะครับ ผมเข้าใจเจตนาของคุณดี เพราะผมรู้สึกได้ แต่อย่าลืมสิครับ เจสซี่ต้องการคุณนะ และคุณเอง ก็คงไม่อยากให้เขาต้องเป็นอันตรายใช่ไหมล่ะ" เจนีนส่งยิ้มบางๆให้กับชายหนุ่ม


"แต่คุณเป็นคนของผม คุณเป็นโอเมก้าของผม อัลฟ่าแบบผมต้องปกป้องคุณสิ" มาร์ตินพูดเสียงดังยิ่งขึ้นและแฝงไปด้วยความสุขุมและเยือกเย็นที่แสดงออกถึงความพร้อมจะปกป้อง


"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณต้องเผชิญกับเรื่องร้ายๆอยู่คนเดียวแน่"





มาร์ตินอุ้มลูกชายขึ้นแนบอกด้วยแขนแค่ข้างเดียวที่อีกข้างกำลังกอบกุมกับมือเล็กให้วิ่งตามกันไปติดเพื่อไปขึ้นรถที่ลานจอดรถใต้ดินของบริษัทอย่างเร่งรีบ


ก่อนจะมาที่นี่เขาสั่งให้ลูกน้องได้ตรวจสอบรอบๆบริเวณแล้วทั้งคนที่มีท่าทีน่าสงสัยและตามดาดฟ้าตึกต่างๆเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการลอบยิงจากที่สูงได้


ตอนนี้ทั้งสามได้ขึ้นมานั่งบนรถเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมาร์ติน เจนีน และเจสซี่นั่งอยู่บริเวณเบาะหลังมีเด็กชายเจสซี่ยังอยู่ตรงกลางเจนีนที่นั่งอยู่ทางฝั่งขวาและมาร์ตินที่นั่งฝั่งซ้าย ที่นั่งข้างคนขับก็มีลิมเมอร์ที่คอยทำหน้าที่เป็นเลขาและบอดี้การ์ดเพื่อระวังความปลอดภัยให้กับบอสของตน


'เพล้ง!'


"โอ๊ย!!!"


แต่ดูเหมือนว่าความปลอดภัยที่วางไว้มันจะไม่มากพอ เพราะในตอนนี้กระจกรถกันกระสุนได้ถูกเจาะทะลุด้วยกระสุนที่ยิงมาโดยไม่ทราบที่แล้วฝังเข้าไปบริเวณต้นเรียวของคนตัวเล็กจนต้องร้องโอดโอยออกมาพร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย แต่ก็นับว่ายังโชคดีที่กระจกกันกระสุนได้ลดแรงและความเร็วของกระสุนไปได้ทำให้กระสุนไม่พุ่งเข้าสู่อวัยวะสำคัญของร่างกายหรือทะลุผ่านแขนของตนไปโดนตัวของเด็กชายที่นั่งถัดไป


มาร์ตินรีบอุ้มลูกชายให้ขึ้นไปนั่งนั่งบนตักแล้วกอดไว้แน่นๆเพราะเจ้าตัวเล็กร้องไห้จ้าออกมาด้วยความกลัวและตกใจ ก่อนที่รถยนต์จะเสียหลักพุ่งเข้าชนเสาร์ไฟที่ให้ความสว่างแก่ท้องถนนเมื่อคนขับรถถูกยิงเข้าที่บริเวณศีรษะจนเสียชีวิต หยดเลือดพุ่งกระฉูดกระจายไปทั่วทั้งรถ แต่ก่อนที่จะอะไรจะแย่ไปกว่านี้ มาร์ตินจึงรีบรวบรวมสติของตัวเองแล้วรีบอุ้มลูกชายออกไปนอกรถและพยุงคนตัวเล็กที่ตอนนี้แขนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดได้ออกมาเพื่อหาทางหนีทีไล่ที่ดีกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าอะไรๆจะไม่เป็นใจไปเสียทุกอย่างเพราะมาร์ตินเองก็ถูกยิงเข้าที่บริเวณไหล่ขวาและกระสุนนัดนั้นก็ได้เฉียดใบหน้าของลูกชายจนมีเลือดซิบไหลออกมา


"แด๊ดดี๊!!!!" เด็กชายร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวดระคนไปด้วยความกลัวและความตกใจทั้งยังเป็นห่วงผู้เป็นพ่อของตนที่มีเลือดสีแดงไหลออกมาบริเวณไหล่จำนวนมาก


"คุณไม่เป็นไรนะครับ" เจนีนเอ่ยถามคนตัวสูงที่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ "คุณไปหลบที่ข้างตึกนั้นก่อนเดี๋ยวผมตามไป" เจนีนชี้ให้ร่างสูงได้เห็นสถานที่ที่ตนว่าแล้วดันแผ่นหลังกว้างให้รีบวิ่งไป ส่วนตนก็วิ่งไปทางหน้ารถเพื่อประคองให้เลขาของคนตัวสูงที่หมดสติไปจากรางกระแทกที่รถพุ่งชนเสาร์ไฟได้ออกจากรถ โดยที่ไม่ลืมควานหาอาวุธจนได้ปืนพกขนาด 16 มม.ติดมือมาด้วย


เจนีนประคองร่างของเลขาฯส่วนตัวของมาร์ตินแล้ววิ่งไปหาอีกฝ่ายด้วยความทุลักทุเล จนมาร์ตินต้องวางลูกชายลงบนพื้นแล้วใช้แขนข้างที่ชุ่มไปด้วยเลือดกอบกุมมือเล็กของลูกเอาไว้แน่นส่วนข้างซ้ายก็เข้าไปประคองเลขาคนสนิทด้วยถ้าหิ้วปีกแล้วพยายามออกแรงวิ่งให้เร็วที่สุดสลับกับการที่ต้องคอยก้มศีรษะหลบกระสุนจากฝั่งตรงข้ามที่ยกพวกกันมาเพิ่มอีก 1 คันรถ


ร่างบางที่เห็นท่าไม่ดีจึงหัยกลับไปยิงสวนไปยังฝั่งคนร้ายได้อย่างแม่นยำ เพราะเป็นโอเมก้าที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลและพร้อมที่จะถูกปลิดชีวิตอยู่ตลอดเวลา พวกทักษะต่อสู้ป้องกันตัวและการยิงปืนจึงเป็นอีกบทเรียนที่ร่างบางต้องเรียนรู้


เจนีนเก็บคนร้ายไปได้ 2 คนก็บอกให้ร่างสูงส่งเจสซี่มาให้ตนเพื่ออุ้มเด็กชายขึ้นแนบอกพร้อมกับส่งปืนให้กับมาร์ตินได้ใช้ยิงใส่คนร้าย และก็เป็นโชคดีที่บอดี้การ์ดส่วนตัวของมาร์ตินจะได้สติขึ้นมาจนสามารถเดินเหินได้ด้วยตัวเองและมาช่วยคอยระวังความปลอดภัยให้พวกเขา ส่วนเจนีนเองก็รีบหยิบโทรศัพท์แล้วกดโทรออกในทันทีเมื่อเจอหมายเลขที่ต้องการ


"เจอร์รี่ แกอยู่ที่ห้องหรือเปล่า ฉันต้องต้องการให้แกช่วย"


Comments


GET ON THE LIST​

©2023 by Deluxxe. Proudly created with wix.com

bottom of page